TH
TH EN
x

ห้ามลูกกิน! 20 อาหารอันตราย เสี่ยงทำลายสมอง พัฒนาการช้า


อาหาร ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยพัฒนาสมองและร่างกายของลูกน้อยให้เจริญเติบโต โดยเฉพาะอาหารที่ดีมีประโยชน์นั้นจะช่วยส่งเสริมสุขภาพของลูกน้อยให้แข็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อาหารที่อันตรายนั้นกลับส่งผลตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง คิง ไว ประกันชีวิต นำข้อมูล 20 อาหารที่อันตรายต่อเด็ก ที่เสี่ยงทำลายและทำให้พัฒนาการเติบโตช้ากว่าปกติ มาให้อ่านกัน มาดูไปพร้อมกันเลย

ที่มาของข้อมูล: amarinbabyandkids.com


อาหารปิ้งย่าง

อาหารที่ใช้ความร้อนสูง เช่น อาหารปิ้งย่าง มักก่อให้เกิดสาร “สารอะคริลาไมด์” ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งต่างๆ ได้ เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งผิวหนัง มะเร็งปากมดลูก มะเร็งอัณฑะ เป็นต้น นอกจากนั้นการสูดดมควันจากเตาปิ้งเป็นเวลานาน หรือควันจากเตาปิ้งสัมผัสโดนผิวหนังอยู่เป็นประจำ ยังส่งผลให้สามารถเป็น มะเร็งผิวหนัง ได้อีกด้วย

อาหารหมักดอง

อาหารหมักดองส่วนใหญ่จะใช้เกลือเป็นวัตถุดิบหลักในการหมัก ทำให้ในอาหารหมักดองมีโซเดียมสูง หากรับประทานเป็นประจำ จะทำให้โซเดียมสะสมอยู่ในร่างกายของคุณและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อระบบปัสสาวะ เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง หรือที่อันตรายที่สุดคือสารที่อยู่ในของหมักดองไปทำลายสารไทรามีนที่มีอยู่ในลำไส้และกระแสเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการไหลตายได้ในที่สุด

อาหารแช่แข็ง

อาหารแช่แข็งนั้น ต้องผ่านกระบวนการยืดอายุอาหาร เพื่อให้เก็บไว้ได้นานขึ้น นอกจากจะเต็มไปด้วยสารเคมีแล้วยังไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการ หากรับประทานมากๆ จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อมขึ้นได้เมื่อเด็กโตขึ้น

อาหารที่มีเกลือเยอะ

อาหารที่มีเกลือเยอะนั้น นอกจากจะมีความเค็มที่ส่งผลเสียต่อไต ทำให้เสี่ยงเป็นโรคไตในอนาคตได้แล้วนั้น ยังมีส่วนทำให้สมองทำงานช้า และเกิดภาวะตัวบวมได้อีกด้วย


อาหารทอด

อาหารทอดส่วนใหญ่มักมีแคลอรี่ที่สูง เมื่อรับประทานเข้าไปเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกิดภาวะอ้วนขึ้นได้ง่าย และไขมันทรานส์ในอาหารทอดอาจส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากอาหารและการสะสมไขมัน ซึ่งเป็นเหตุให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้และเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและหัวใจ

เนื้อแดง

เนื้อแดงไม่มีมัน ใครว่าปลอดภัย เพราะในเนื้อแดงนั้นมีไขมันอิ่มตัวอยู่ในปริมาณมาก ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลง รวมถึงเนื้อนั้นอาจใส่สารเร่งเนื้อแดง ที่อันตรายต่อสุขภาพ ส่งผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน หัวใจเต้นผิดปกติ และยังเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้

ฟาสต์ฟู้ด 

จัดเป็นอาหารประเภทจังก์ฟู้ด หรือที่ภาษาไทยแปลว่า อาหารขยะ เช่น เฟรนช์ฟรายส์ แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า ที่มีสารอาหารไม่ครบถ้วนต่อร่างกาย ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการใดๆ และบางชนิดยังใส่สารกันบูด และมีปริมาณโซเดียมสูง ทำให้เป็นโรคอ้วน  ความดันโลหิตสูง โรคไต และโรคหัวใจได้ ที่สำคัญยังส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของสมองเด็กเนื่องจากสารอาหารที่ได้รับไม่เพียงพอ

เบคอน แฮม

อุดมไปด้วยไขมันล้วนๆ คอเลสเตอรอลในเส้นเลือดอาจอุดตันจนก่อให้เกิดโรคหัวใจได้ และในเบคอนยังมีดินประสิวที่สามารถเปลี่ยนเป็น สารไรโตรซามีนที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนแฮมก็มีทั้งไขมัน สารกันบูด และสารไนโตรซามีน ซึ่งเป็นตัวก่อมะเร็งเช่นเดียวกัน


อาหารโลว์คาร์โบไฮเดรต

พ่อแม่หลายคนมีความเชื่อผิดๆว่า การลดคาร์โบไฮเดรตนั้นจะช่วยลดความอ้วนหรือลดภาวะเสี่ยงน้ำหนักเกินในเด็กได้ แต่รู้หรือไม่ หากได้รับคาร์โบไฮเดรตน้อยเกินไปร่างกายจะขาดพลังงานสะสม หากไม่อยากอ้วนและสมองเสื่อมไปพร้อมๆ กัน เราเลี่ยงมากินธัญพืช ข้าวกล้อง หรือขนมปังโฮลวีทแทน

ป๊อปคอร์น

ในป๊อปคอร์นมีปริมาณโซเดียมอยู่ในระดับที่สูงมาก เนื่องจากในป๊อปคอร์นใส่ผงปรุงรสที่ทำให้ป๊อปคอร์นมีรสชาติต่างๆ นั้นมีสารสังเคราะห์ที่มากับผงปรุงรส ที่จะไปสกัดกั้นการทำงานของระบบสมองทำให้สมองของเด็กนั้นพัฒนาได้ไม่ดีเท่าที่ควรตามวัย

ข้าวโอ๊ตอบแห้ง

พ่อแม่บางคนชอบให้ลูกทานข้าวโอ๊ตอบแห้งใส่นมเป็นอาหารเช้า ดูเหมือนจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ แต่ความจริงแล้วมีน้ำตาลสูงมากและเมื่อทานติดต่อกันนานๆ น้ำตาลที่ได้รับจะไปขัดขวางการทำงานของสมอง ควรเปลี่ยนเป็นทานข้าวโอ๊ตแบบที่ไม่มีน้ำตาลกับนมรสจืดจะดีที่สุด

โปรตีนแปรรูป

เนื้อสัตว์ที่ผ่านการแปรรูป เช่น ไส้กรอก จะมีการผสมสารเคมีที่ใช้ในการแปรรูปอาหาร อย่างสารกันบูด และโซเดียมสูง หากให้ลูกทานโปรตีนแปรรูปเหล่านี้บ่อยๆ จนสะสมในร่างกายจะส่งผลกระทบต่อระบบประสาท ในการประมวลผลต่างๆ ทำให้การเรียนรู้ และการจดจำแย่ลง โดยเฉพาะในเด็กเล็ก


โยเกิร์ตรสสังเคราะห์

โยเกิร์ตรสธรรมชาติ นั้นมีประโยชน์หลากหลายเหมาะสำหรับเด็ก เพราะช่วยเรื่องระบบการขับถ่ายได้ดี รวมถึงเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้กับเด็ก แต่ถ้าเป็นโยเกิร์ตรสชาติสังเคราะห์ ผลลัพธ์เรื่องประโยชน์นั้น บอกเลยว่าตรงกันข้าม เนื่องจากใช้สารเคมีในการแต่งกลิ่น สี และรสชาติซึ่งส่งผลเสียต่อสมองของเด็ก

ของหวานและน้ำตาล

ของหวานและน้ำตาล  นอกจากจะทำให้อ้วนแล้ว น้ำตาลยังทำลายสมองได้อีกด้วย ส่งผลให้การเรียนรู้ และ การจดจำแย่ลง และยังทำให้สมองประมวลผลผิดพลาด ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์และความคิดของเด็ก

เยลลี่

ส่วนผสมของเยลลี่ส่วนใหญ่ ล้วนทำมาจากสิ่งที่ไม่มีประโยชน์และสารเคมี ผลส่งผลเสียต่อสุขภาพและการทำงานของสมองอย่างเห็นได้ชัด และความลื่นของเยลลี่ยังอันตรายต่อเด็กสุดๆ เพราะอาจไหลลื่นลงสู่คอและลงไปขวางหลอดลมส่งผลให้ขาดอากาศหายใจได้ ร้ายแรงที่สุดอาจทำให้เสียชีวิตเลยทีเดียว

หมากฝรั่ง

การเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นประจำมีส่วนทำให้ความจำระยะสั้นของเด็กถดถอยลง ควรเคี้ยวนานๆครั้งจะช่วยสร้างสมาธิ และช่วยให้สมองกระปรี้กระเปร่า แบละควรเลือกเคี้ยวชนิดที่ปราศจากน้ำตาลเท่านั้น


น้ำสลัด

อาหารเพื่อสุขภาพที่ใครๆ ก็นึกถึงเป็นอย่างแรก แต่น้ำสลัดที่ใช้ราดสลัดผักนั้นถือเป็นหนึ่งใน อาหารอันตราย เพราะมีส่วนผสมของน้ำตาลสูงมาก ส่งผลให้สมองเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ช้าลง หากต้องการกินน้ำสลัดแนะนำให้เปลี่ยนชนิดของน้ำสลัดเป็นแบบ Sugar Free หรือ Low Sugar 

เครื่องดื่มชูกำลัง

มีเด็กจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิด คิดว่าเครื่องดื่มบำรุงกำลังช่วยในการเพิ่มกำลังในการออกกำลังกาย จึงใช้เครื่องดื่มชูกำลังเป็นตัวช่วย แต่เครื่องดื่มบำรุงกำลังประเภทนี้มีสารกระตุ้นให้สมองตื่นตัว แต่จะทำให้สมองเฉื่อยซึมลงทันทีเมื่อฤทธิ์ของสารกระตุ้นในเครื่องดื่มหมด ทำให้ร่างกายติดสารในเครื่องชูกำลัง ซึ่งหากดื่มเป็นระยะเวลานานอาจทำให้สมองฝ่อหรือเสื่อมได้

ชา, กาแฟ

พ่อแม่บางคนมีความคิดที่จะให้เด็กได้ลองดื่มกาแฟหรือชา แต่รู้หรือไม่ว่า คาเฟอีนในกาแฟและชาส่งผลให้ประสาทตื่นตัว นอนไม่หลับ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก รวมถึงยังขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กในกระแสเลือดอีกด้วย

เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์

เช่นเดียวกับกาแฟและชา เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรให้เด็กลองดื่ม เพราะในเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์มีสารที่ทำให้ติดได้ ที่สำคัญส่งผลต่อร่างกายของเด็กมากกว่าผู้ใหญ่หลายเท่า ทั้งทำลายสมองและระบบต่างๆ ในร่างกาย ส่งผลระยะยาวต่อพัฒนาการทางสมอง ทำให้เด็กสูญเสียความสามารถในการจดจำ


การดูแลลูกให้ห่างไกลโรคภัยอาจมากกว่าแค่การปรับพฤติกรรมการกิน

ในสังคมปัจจุบัน การที่เด็กได้รับอาหารที่ไม่มีประโยชน์หรือได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วนไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนั้น ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยหรือเจ็บป่วยได้ง่าย รวมถึงพัฒนาการของสมองอาจล่าช้ากว่าเด็กที่ได้รับอาหารที่มีประโยชน์ แต่ดูแลแค่เรื่องอาหารการอย่างเดียวอาจไม่พอ เพราะสภาพแวดล้อมหรือปัจจัยด้านอื่นๆ ก็อาจทำให้เด็กเสี่ยงเจ็บป่วยหรือเกิดโรคต่างๆ ได้เหมือนกัน

เพิ่มเกราะป้องกันลูกของคุณอีกขั้น ด้วย Max Kid ประกันสุขภาพสำหรับเด็กที่พร้อมดูแลลูกน้อยของคุณ สุขภาพก็ได้ เก็บออมก็มี ด้วยระยะออมสั้นเพียง 8 ปี แต่คุ้มครองชีวิตยาวนานถึง 18 ปี พร้อมด้วยเงินคืนต่อเนื่องทุกปี รวมสูงสุด กว่า 180%

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ คิง ไว  Max Kids ได้ที่ : https://www.kwilife.com/max-kids

**โปรดศึกษาเงื่อนไขและข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจซื้อกรมธรรม์



KWI Life ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดี หากคุณยังคงใช้งานบนเว็บไซต์ เราถือว่าคุณยอมรับ ข้อกำหนดและเงื่อนไข ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่